วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

หลวงปู่แหวน เล่าเรื่องเปรตริมฝั่งแม่น้ำโขง



เมื่อครั้งที่ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ บวชได้ไม่กี่พรรษา และมีวาสนาถวายตัวเป็นศิษย์ของท่าน พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
ท่านได้รับคำสั่งสอนแนะนำในข้อธรรมต่างๆ อย่างกระจ่างแจ้ง ทำการเจริญภาวนากระทำความเพียรก้าวหน้าไปอีกหลายระดับ เป็นกำลังใจให้เกิดความวิริยะมานะที่จะสะบั้นสายใยแห่งกิเลสจนกว่าจะหมดสิ้น ในภพชาตินี้ ขณะจำพรรษาอยธู่กับพระอาจารย์มั่นที่บ้านนาหมีนายูง อำเภอน้ำโสน อุดรธานี ท่านพระอาจารย์มั่นได้บอกเล่าให้ ฟังว่า ใกล้ฝั่งแม่น้ำโขงมีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่ง ที่ถ้ำนั้นมีเปรตตนหนึ่งสิงสู่อยู่ไม่ยอมไปไหน หากหลวงปู่แหวนไปบำเพ็ญเพียรที่ใดนั้นก็ให้ถามเปรตดูสิว่าชาติก่อนกระทำกรรม อะไรไว้ถึงได้มาเกิดเป็นเปรต การที่ท่านพระอาจารย์มั่น กล่าวเช่นนี้ อาจจะมีเจตนาต้องการให้ศิษย์ผู้อ่อนพรรษาได้เรียนรู้สภาวธรรมด้วยการสัมผัส ตามความเป็นจริงโดยตัวเองก็ได้ เมือหลวงปู่แหวนน้อมรับคำบอกเล่าเช่นนั้นท่านจึงเดินทางไปที่ถ้ำดังกล่าว เพียงรูปเดียว ณ. ที่ถ้ำนี้เป็นสถานที่ร่มรื่นสงบสงัด เหมาะสมที่จะเจริญภาวนาอย่างยิ่ง ภายในถ้ำสะอาดสะอ้าน ด้านนอกปากถ้ำเป็นพื้นที่ราบเรียบพอจะใช้เป็นทางเดินจงกรมได้ ครั้นถึงเวลาเย็น เมื่อทำวัตรสวดมนต์แล้วท่านก็เข้าที่ภาวนาภายในถ้ำ ได้รับผลตามประสงค์ไม่มีอุปสรรค ตราบทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น คืนแรกผ่านไปด้วยดี คืนที่สองไม่มีสิ่งผิดปกติ กระทั่งคืนทีสามรูปเงาของเปรตจึงเริ่มปรากฎ โดยแสดงกายมืดดำ และมีความสูงใหญ่ น่าพรั่นพรึง ยืนปักหลักขวางหน้าถ้ำ หลวงปู่แหวนเห็นเปรตแล้วก็มิได้หวาดหวั่นแต่ประการใด เพียงแต่แผ่เมตตาให้ด้วยจิตกุศลเต็มเปี่ยม ปรารถนาจะให้พลังแห่งความเมตตาผ่อนคลายความทุกข์ซึ่งสุมรุมเปรตตนดังกล่าว อยู่ จากนั้นก็กำหนดจิตถามเปรตไปว่า "ชาติก่อนเคยทำกรรมอะไรไว้ถึงได้มาเป็นเปรต" เปรตตนนั้นเงียบเฉยไม่ตอบ และอันตรธานหายไป หลายคืนต่อมาปรากฎว่าเปรตตนเดิมาแสดงร่างร้ายให้หลวงปู่แหวนเห็นทุกคืนใน ลักษณะคืนแรก คือมายืนตระหง่านเงียบงันด้วยร่างอันสูงใหญ่ทะมึนดำ ประหนึ่งต้องการข่มขวัญให้พระธุดงค์กรรมฐานเกิดความหวาดกลัว ทว่าหลวงปู่แหวนมีจิตที่มั่นคงแน่วแน่อยู่ในธรรม ฉะนั้นท่านจึงตัดขาดไปจากความพรั่นพรึงทั้งปวงหมดสิ้น ........กระทั่งคืนหนึ่งเปรตมาปรากฎร่างให้หลวงปู่แหวนเห็นอีก เมื่อท่านแผ่เมตตาให้แล้ว กำหนดจิตสอบถามเช่นครั้งก่อนๆ คราวนี้เปรตยอมพูดติดต่อด้วย โดยเล่าให้หลวงปู่แหวนฟังว่า ชาติ ก่อนเมื่อเป็นมนุษย์เพศชายตนเป็นนักเลงไก่ชน ลุ่มหลงในการชนไก่ ซึ่งมีเดิมพันมาใช้จ่ายอย่างสำราญ คราวใดไก่ชนของตนพ่ายแพ้เสียเงินเดิมพันไปตนก็จะถูกโทสะครอบงำจัดการฆ่าไก่ ตัวที่ชนแพ้ และหากไก่ชนตัวใดสู้จนได้รับบาเจ็บหนัก หรือพิการ ตนก็จะฆ่าเอมากินหมดเช่นกัน ได้กระทำกรรมชั่วนี้เป็นอาจิณตั้งแต่หนุ่มยันแก่ ครั้นอายุมากก็ล้มป่วย มีอาการเจ็บปวดแสนสาหัสจนสิ้นใจตาย ตายแล้วยังต้องไปรับกรรมในนรกเป็นเวลานานจนประมาณมิได้ ครั้นพ้นจากนรกจึงมาผุดเป็นเปรต หลวงปู่แหวนจึงถามว่า "เหตุใดไม่ไปผุดไปเกิดเสียที ทำไมต้องมาเป็นเปรตเฝ้าถ้ำ เฝ้าป่า ให้ลำบากทุกข์ยากเช่นนี้" เปรตตอบว่า เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะยังห่วงเรื่องอาหารที่ได้เสพ เนื่องจากชาวบ้านที่อยู่ย่านนี้ นำหมูเห็ดเป็ดไก่ มาเซ่นสังเวยทุกครั้งที่เข้ามาตัดไม้และหาของป่า หากไปอยู่ที่อื่นกลัวจะอดอยาก เปรตยังเล่าต่อว่า หากชาวบ้านไม่เซ่นสังเวย ตนก็จะกระทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย ชาวบ้านจึงกลัวตนมาก หลวงปู่แหวนได้เทศนาชี้ทางให้เปรตผละจากที่อยู่อาศัยนี้ไปเสียเถิด เพราะถ้าจิตหลุดจากความยึดมั่นถือมั่นได้เมื่อใด ตนเองก็จะมีโอกาสไปเกิดใหม่ตามกระแสกรรมของตน มิเช่นนั้นก็ต้องจ่อมจมอยู่ก้บถ้ำแห่งนี้ เพราะความยึดมั่นยึดเหนี่ยวฉุดรั้งไว้ และถ้าสิงอยู่ถ้ำแห่งนี้ด้วยความหวงแหนสถานที่คอยหวาดระแวงว่าจะมีผู้อื่นมา แย่งถ้ำนี้ไปเปรตย่อมแสดงตัวให้ผู้พบเห็นหวาดกลัวเพื่อให้หนีไปเสีย หากมีพระธุดงค์รูปอื่นจาริกผ่านมา เปรตแสดงตัวเจตนาขับไล่เช่นที่เคยทำมา พระธุดงค์มีจิตเข้มแข็ง และมีสติมั่นคงย่อมไม่เกิดผลร้ายอะไร แต่หากพระธุดงค์จิตไม่แก่กล้า หวาดกลัวจนไร้สติ ย่อมเป็นผลให้เสียจริต หรืออาจถึงมรณภาพ บาปเวรก็จะตกแก่เปรต กลายเป็นอกุศลกรรมถมทับซับซ้อนจนไม่อาจพบกับทางสว่างได้อีก เปรตรับฟังด้วยความสงบ แต่ยังไม่สามารภกระทำตามคำเทศนาของหลวงปู่แหวนได้ ท่านเห็นว่าเปรตยังมีมิจฉาทิฐิมั่นคงท่านก็ต้องวางตนอยู่ในอุเบกขา เมื่อเจริญภาวนาครบกำหนดตามที่ได้กำหนดเจตนาเอาไว้แล้ว หลวงปู่แหวนจึงจาริกลับมากราบเรียนถวายรายงานต่อท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ณ บ้านนาหมีนายูง ซึ่งท่านพระอาจารย์มั่น ก็ไม่ได้กล่าวว่ากะไร ภายหลังเมื่อพระอาจารย์มั่นมีโอกาสผ่านได้เมตตาโปรดเปรตตนนั้น และเปรตตนนั้นก็หลุดพ้นไปจากถ้ำได้ในที่สุด

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2551

ผวาบ้านอบต."ผีสิง" ปีศาจสาวสไบเฉียง

ชาวบ้านผวาหนัก บ้านผีสิงที่อ่างทอง เฮี้ยนจัดถึงขนาดหลอกคนเข้าอยู่ 2 ราย จนเผ่นหนีออกมาแทบไม่ทัน

ทั้งที่ เป็นบ้านใหม่เพิ่งสร้างเสร็จโดยอบต. เพื่อเป็นบ้านพักขอ
งผู้ด้อยโอกาส เหยื่อ 2 รายยืนยันแรงจริง รายแรกทนอยู่ 2 คืนก็ขอลา ยอมหนีไปปลูกกระต๊อบอยู่แทน รายที่ 2 ประกาศลั่นเคยเจอผีกับตามาแล้วไม่รู้สึกกลัว แต่อยู่คนเดียวก็เผ่นตามอีกคน ผู้ใหญ่บ้านแฉมีคนเคยเห็นผีเจ้าที่ในบ้านนั้นหลายคน เป็นผีสาวสวยห่มสไบเฉียง

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านพักผู้ด้อยโอกาส ในวัดยางมณี หมู่ 7 ต.องครักษ์ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง


หลังจากมีชาวบ้านเล่าลือว่าบ้านดังกล่าวมีผีสิงอยู่ ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าไปพักอาศัย โดยเคยสำแดงอิทธิฤทธิ์หลอกหลอนชาวบ้าน 2 รายจนเผ่นกระเจิง เหตุการณ์ขนหัวลุกดังกล่าวสร้างความหวาดผวาแก่ชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง จนไม่มีใครกล้าลองดีท้าทาย เมื่อไปถึงพบว่าบ้านผีสิงดังกล่าวเป็นบ้านตามโครงการบ้านท้องถ
ิ่นไทย เทิดไท้องค์ราชัน 5 ธันวาคม 2550 เลขที่ 980/1 เป็นบ้านปูนชั้นเดียว ขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 8 เมตร มีไฟฟ้า น้ำประปา แต่ไม่มีรั้ว ปลูกอยู่ริมถนนคอนกรีตท้ายวัดติดกับโรงเรียนวัดยางมณี รอบๆ บ้านมีก้านธูปปักอยู่จำนวนมาก พบเครื่องเซ่นสังเวยและผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวน้ำหอม ส่วนภายในบ้านมีเครื่องเซ่นสังเวย กระจก แป้ง น้ำหอมและหวีวางอยู่

นายสุพจน์ ผมทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)องครักษ์ เปิดเผยว่า อบต.ได้จัดสรรงบประมาณ 98,000 บาท

ก่อสร้างบ้านหลังดังกล่าวเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้า
อยู่หัว โดยขออนุญาตเจ้าอาวาสวัดใช้ที่ดินสร้างให้ผู้ยากไร้ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จได้ส่งมอบบ้านให้นางเสนาะ ผ่องโอภาส อายุ 78 ปี พร้อมหลานอีก 2 คนเข้าพักอาศัย แต่ปรากฏว่าอยู่ได้เพียง 2 คืนก็ต้องขนสิ่งของออกไปอยู่ที่อื่น โดยเล่าให้ฟังว่าถูกผีผู้หญิงรังควานหลอกหลอนจนนอนไม่ได้ ทำให้สุขภาพจิตเสีย


นายกอบต.องครักษ์ยังกล่าวว่า เมื่อข่าวดังกล่าวสะพัดออกไป จึงมีนายขวัญพงษ์ วงศ์ดิษฐ์ อายุ 61 ปี ชาวบ้านที่ไม่กลัวผี อาสาเข้าไปนอนเพื่อท้าพิสูจน์

ปรากฏว่าเพียงคืนเดียวก็ถูกเล่นงานย่ำแย่ ทั้งถูกดึงขา มีของหนักทับหน้าอก บีบคอหายใจไม่ออก จนต้องเผ่นกระเจิง โดยบอกว่าผีผู้หญิงดังกล่าวรู้สึกโกรธที่ไปรุกที่ของเขา และยังเดินข้ามหัวเขาทุกวัน เนื่องจากเขาอยู่ตรงประตูทางเข้าพอดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชาวบ้านรู้สึกหวาดผวา ไม่กล้าผ่านบ้านหลังดังกล่าวในยามค่ำคืน

นายสมพร อมิธิดา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.องครักษ์ กล่าวว่า ลูกบ้านและครูในโรงเรียนเห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นบ่อยในบ้านหลังดังกล่าว

เช่น มีแสงคล้ายเศษแก้วลอยขึ้นจากหลังคาบ้าน มีเสียงคล้ายคนเดินอยู่ในบ้านจนขนลุกไปตามๆ กัน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวสมัยก่อนเป็นป่าช้าและมีเชิงตะกอนเผาศพ ส่วนผีหญิงสาวชาวบ้านเล่าว่ามีรูปร่างหน้าตาสวยงาม เสื้อผ้าอาภรณ์ก็สวยงาม นุ่งโจงกระเบน สวมผ้าสไบเฉียง ซึ่งคงต้องทำพิธีกรรมขอขมาหรือตั้งศาลให้ อาจแก้ปัญหาได้

จากการสอบถามเรื่องราวจากนายขวัญพงษ์ ชาวบ้านที่กล้าลองของ จนเผ่นออกมาแทบไม่ทัน เปิดเผยว่า ตนเป็นคนไม่กลัวภูตผีปีศาจ

ที่พูดเช่นนี้ไม่ใช่ว่ามีวิชาอาคมแต่อย่างใด และรู้ว่าภูตผีและวิญญาณมีอยู่ในโลกนี้จริง เนื่องจากเคยเห็นผีมากับตา โดยก่อนหน้านี้ ตนพักอาศัยอยู่ที่จ.ชัยนาท ถูกเพื่อนสบประมาทว่าถ้าไม่กลัวผีจริง ต้องพิสูจน์โดยการไปนอนในป่าช้าที่เล่าลือกันว่าผีดุ โดยไม่มีเครื่องรางของขลังใด เมื่อถูกท้าทายก็เข้าไปนอน จนกระทั่งเวลาดึกสงัดได้ตกใจตื่น ลุกขึ้นนั่งมองไปเห็นผี 4 ตัวอยู่ข้างๆ แต่ตนไม่สนใจ ผีเหล่านั้นจึงล้มตัวนอนร่วมกับตนอย่างสันติ ไม่หลอกหลอนแต่อย่างใด นอกจากนี้ป่าช้าและสุสานต่างๆ ไปนอนมาแล้วหลายแห่ง

นายขวัญพงษ์กล่าวว่า เมื่อกลับมาอยู่ที่ต.องครักษ์ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านพักครู ติดกับบ้านผีสิงหลังดังกล่าว

ขณะนั้นนางเสนาะพักอาศัยอยู่ได้เพียง 2 คืน ได้ไปบอกกับผู้ใหญ่บ้านและนายกอบต.ว่า บ้านหลังดังกล่าวมีผีสิงเฮี้ยนมาก หลอกหลอนจนนอนไม่ได้ จึงขอย้ายออก เมื่อตนทราบข่าว จึงได้ขอเข้าไปพักอาศัย แต่ปรากฏว่าถูกเล่นงานย่ำแย่นอนหลับตาไม่ได้เลย ถูกแกล้ง ถูกอำสารพัด หนีออกมาแทบไม่ทัน ไม่งั้นคงกลายเป็นศพเพราะขาดอากาศหายใจ เจอมากับตัวเองเช่นนี้รู้สึกหวาดผวาเช่นกันและคงไม่กล้าเข้าไปนอนในบ้านหลังดังกล่าว เพราะมีอิทธิฤทธิ์แรงและไม่เห็นเค้าร่าง

ส่วนนางเสนาะ ผ่องโอภาส เหยื่อบ้านผีดุรายแรก ที่ขณะนี้ต้องหนีไปสร้างกระต๊อบพักอาศัยอยู่ริมถนนสายโพธิ์ทอง-ท่าช้าง รอยต่อระหว่าง จ.อ่างทอง และจ.สิงห์บุรี กล่าวว่า คืนวันแรกที่เข้าไปอยู่ สังเกตว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นหลายอย่าง

ก็ปลอบใจตัวเองว่าเราอายุมากและแปลกที่อยู่อาจทำให้ประสาทหลอนได้ จนทำให้นอนไม่หลับ แต่คืนที่สองเหตุการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิม เหตุการณ์พิศวงหลอกหลอนเกิดขึ้นหลายอย่าง โดยไม่รู้ตัวผู้กระทำ จึงเชื่อว่าบ้านหลังนี้เป็นที่ร้อน มีภูตผีและวิญญาณสิงสถิตดูแลด้วยความหวงแหน จึงขอย้ายออกมา

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด